1. เหงา เลิกรากันช่วงแรกๆ ก็ยังเข้มแข็งดีอยู่หรอก บอกย้ำตัวเองอยู่ทุกวันว่าสามารถอยู่คนเดียวได้ เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย แต่ไปๆ มาๆ กลับเหงาจับจิตจับใจซะอย่างนั้น ลืมตาตื่นมาในตอนเช้า พอหันไปก็ไม่มีใครนอนอยู่เคียงข้าง หมอนข้างใบเก่ากลับกลายมาเป็นเพื่อนแท้ของเราไปซะได้ คิดดูนะ... ขนาดฤดูร้อนอากาศอบอ้าว คนโสดยังรู้สึกหนาวใจหนาวกายทุกครั้งก่อนแปรงฟันเข้านอนเลย ความเหงานี่มันช่างร้ายกาจอะไรเยี่ยงนี้!
2. ไม่รู้จะแชตหาใคร โซเชียล เน็ตเวิร์กกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเริ่มมีปฏิสัมพันธ์อันดีกับสาวสักคนไปแล้วในยุคนี้ และมันกำลังเข้ามาแทนที่การกดหมายเลข 02 เพื่อรอลุ้นว่าคนที่รับสายจะเป็นสาวในดวงใจหรือพ่อของเธอกันแน่อย่างเต็มตัว ช่วงที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็กดวอทแอปส์ แชตในไลน์กันทั้งวี่ทั้งวันจนสายตาจะพังอยู่รอมร่อ แต่พอโสดก็ไม่รู้จะส่งสติ๊กเกอร์ไลน์หาใคร ปล่อยให้แอพมันทิ้งร้างอยู่อย่างนั้น ไอโฟนและไอแพดก็กลายเป็นที่วางทับกระดาษไปโดยปริยายซะอย่างนั้น!
3. ป่วยก็ไม่มีใครดูแล บางทีพอมีแฟนก็อยากมีอารมณ์ออดอ้อนให้เธอมาดูแลอย่างแนบชิดสนิทกายดูบ้าง ก็เลยทำเป็นร่างกายอ่อนแอ แกล้งป่วยให้เธอมาคอยเอาอกเอาใจ นวดคลึงตามแขนตามขา ป้อนข้าวป้อนยาให้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ แต่พอถึงเวลาโสดที แม้ว่าจะป่วยหนักสักเพียงไหน นอนซมอยู่บนเตียงสักกี่วัน ก็ไม่เห็นจะมีใครมาดูแลจริงๆ จังๆ สักคน... น่าน้อยใจชะมัด!
4. ขาดที่ปรึกษา แฟนนับเป็นบุคคลที่รู้ใจเรามากที่สุดคนหนึ่ง แต่พอขาดแฟนไปสักคน เวลาเราคิดจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง หันหน้าซ้ายทีขวาทีกลับไม่มีใครจะคอยให้คำปรึกษาดีๆ เลยแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่โต บางทีการมีมุมมองอื่นๆ นอกเหนือจากความคิดเราเองนั้นเป็นอะไรที่เยี่ยมที่สุดแล้ว ยิ่งถ้ามีแฟนเป็นสาวมากความสามารถยิ่งแล้วใหญ่ เราจะได้ความคิดเห็นที่เราอาจไม่เคยนึกถึงเลยก็เป็นได้
5. ไปดูหนังแล้วไม่รู้จะจับมือใคร ช่วงเวลาที่อยู่ในโรงหนังแล้วนั่งจับมือแฟนดูภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้หรือแม้แต่หนังผีนี่มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่สุดช่วงเวลาหนึ่งสำหรับคนมีคู่ แต่สำหรับคนโสดแล้วถ้าจู่ๆ จะไปจับมือสาวที่นั่งข้างๆ โดยที่ไม่รู้จักมักจี่ เผลอๆ อาจจะโดนตบเอาได้ง่ายๆ นี่เรายังไม่ได้นับรวมถึงตอนไปดินเนอร์ ดูคอนเสิร์ต เที่ยวผับ เดินห้าง ฯลฯ ไม่รู้จะจับมือใครก็จับมือตัวเองไปพลางๆ ก่อนละกัน
6. กลายเป็นคนขี้อิจฉา ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว เวลาเราเดินทางไปไหนคนเดียวแล้วไม่ได้กุมมือใครสักคนก็นับว่าแย่พออยู่แล้ว ยิ่งหากเราต้องเผชิญหน้ากับคู่รักที่นัดกันมาสวีตหวานโดยมิได้นัดหมายอีกล่ะก็... นรกชัดๆ!!! ยิ่งช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี่ไม่ต้องพูดถึง แทบอยากจะล็อกห้องนอนเล่นหนอนน้อยของตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอด สรุปคือ ภาวะโสดทำให้คนไร้คู่กลายร่างเป็นคนขี้อิจฉาได้โดยฉับพลันแบบไม่ต้องหาเหตุผลใดๆ
7. ต้องแข่งจีบสาวกับคนอื่น รู้กันดีอยู่แล้วว่าตอนที่มีแฟนนั้นแทบจะไม่มีความจำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องขวนขวายขายขนมจีบสาวที่ไหน เพราะอย่างน้อยเราก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว 1 คน (หรือมากกว่านั้น!) แต่ช่วงที่ไม่มีใครแล้วอยากจะหาสาวข้างกายสักคนนั้นบอกเลยว่ายากเย็นแสนเข็ญเอาการ เพราะสมัยนี้สาวๆ เขาคบเผื่อเลือกกันแล้ว หนุ่มๆ ในสต็อกเพียบ เราอาจเป็นเพียงหนึ่งในตัวเลือกของพวกเธอเท่านั้น ตกเป็นเบี้ยล่างนี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีสักนิด!
8. ไม่รู้จะเลือกใคร ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพอเราเปลี่ยนสถานะเป็นโสดปุ๊บ สาวๆ ก็เริ่มเข้ามาในชีวิตแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งสาวแก่แม่หม้าย สาวออฟฟิศจี๊ดใจ หรือแม้แต่สาววัยรุ่นแรกแย้ม อย่างกับมีป้ายที่เขียนว่า ‘โสด’ ห้อยคอเอาไว้อย่างนั้นแหละ ถ้ามาแบบจำนวนพอดีๆ คงไม่นับว่าเป็นข้อเสียหรอก แต่ถ้ามาแบบเยอะเกินก็ดูจะเหนื่อยเกินไปสักนิด ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับใครก่อนดี เอ๊ะ! สรุปแล้วนี่มันนับเป็นข้อเสียหรือเปล่าฟะ!!!
9. โดนนินทาว่าไม่ใช่ผู้ชาย สาวๆ ยุคนี้มักมีความคิดอะไรแปลกๆ อยู่พอสมควร ช่วงที่มีสาวคบอยู่ก็คิดว่าเราเป็นพ่อหนุ่มเพลย์บอยหว่านเสน่ห์ไปทั่ว แต่พอโสดนานๆ กลับเริ่มลังเลว่าเราไม่ใช่ผู้ชายแท้หรือเปล่า คิดคนเดียวไม่พอ ยังไปบอกต่อกับแก๊งเพื่อนสาวอีกนับสิบคนซะอีก กลายเป็นบาดแผลที่รอวันพิสูจน์ไปเลย อยากจะไปกระซิบข้างหูพวกเธอเหลือเกินว่า ถ้าอยากรู้ว่าเป็นผู้ชายทั้งแท่งหรือเปล่า ก็ลองมาพิสูจน์กันสองต่อสองดู... รับรองว่าถึงอกถึงใจแน่!
10. บั้นเอวขาดการบริหาร นี่อาจเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดของการไม่มีแฟนเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากต้องทนเหงากับการไม่มีใครอยู่ข้างกายแล้ว เรื่องบนเตียงอันเร่าร้อนที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวันกลับต้องหยุดชะงักลงในทันที ช่วงเวลาเหล่านี้ก็คงจำต้องใช้เงินหาซื้อกินเอาแถวๆ สวนลุมฯ หรือโรงแรมสยาม หรือไม่ก็ใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตัวทางด้านข้อมืออันพลิ้วไหวแก้เหงาไปพลางๆ ก่อน น่ารันทดชะมัด!!!
ขอบคุณที่มาเนื้อหา : FHM
Categories:
Love
0 ความคิดเห็น: