วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ไส้กรอกมี “เมือกลื่น” ต้องทำอย่างไร?



ทั้งไส้กรอก แฮม หรือเบคอน ล้วนเป็นเนื้อสัตว์แปรรูปที่ผ่านการใช้สารเคมีเพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ หรือปรับรสชาติของอาหารให้ดูน่ารับประทานและเย้ายวนใจผู้บริโภคมากขึ้น การรับประทานไส้กรอก จึงไม่ควรรับประทานให้บ่อยมากเกินไป เพราะอาหารสุดโปรดจานนี้ มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคร้ายอย่างโรคมะเร็งได้ ตามที่นักวิจัยได้ออกมาเตือนผู้บริโภคที่รับประทานไส้กรอกเป็นประจำแล้วว่า “การรับประทานไส้กรอกเพียงวันละหนึ่งชิ้น สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ถึง 20%”

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ เนื้อสัตว์แปรรูปพวกนี้ล้วนต้องผ่านกระบวนการรมควัน หมักเกลือ และผสมกับวัตถุเจือปนต่างๆมากมาย โดยเฉพาะวัตถุเจือปนอาหารที่มีชื่อว่า “โซเดียมไนไตรท์” ที่เมื่อเรารับประทานสิ่งนี้เข้าไป  โซเดียมไนไตรท์จะเข้าไปรวมตัวกับโปรตีน แล้วเกิดเป็น ‘ไนโตรซามีน’  ซึ่งเป็นสารร้ายที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งในร่างกายของเรา กระบวนการที่ว่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติโดยตรง การรับประทานซ้ำๆติดกันทุกวัน จึงเสมือนเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ให้สูงมากขึ้นนั่นเอง


อีกหนึ่งปัญหาที่เราพบเจอประจำ ก็คือ เวลาที่เราซื้อไส้กรอกมาสักพัก เก็บไว้ในตู้เย็นอย่างดี แต่พอจะนำมารับประทาน กลับมีเป็นเมือกลื่นๆเคลือบอยู่ที่ผิวเต็มไปหมด หลายๆท่านจึงคิดแก้ปัญหานี้โดยการนำเอาไส้กรอกไปล้างน้ำเพื่อกำจัดเอาเมือกลื่นออกไป ก่อนจะนำมาประกอบอาหารรับประทานต่อ แต่นั่นเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องหรือไม่ เราจะมาเฉลยให้คุณฟังค่ะ

เมือกลื่นๆที่ปรากฎอยู่บนไส้กรอก เป็นสัญญาณเตือนว่า “ไส้กรอกของคุณนั้นกำลังจะหมดอายุแล้ว” ซึ่งเมือกลื่นๆเหล่านี้ ก็คือ ของเสียหรือสารพิษที่จุลินทรีย์สร้างขึ้นนั่นเอง ยิ่งมีเมือกลื่นมากเท่าไร ก็แสดงว่ามีจุลินทรีย์เกิดขึ้นบนไส้กรอกคุณมากเท่านั้น ดังนั้น หากคุณเห็นว่าไส้กรอกที่คุณซื้อมามีเมือกลื่นเหนียวเนอะหนะเต็มไปหมด ก็ไม่ควรจะนำไส้กรอกไปล้างน้ำหรือลวกน้ำร้อน เพราะนั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องที่จะสามารถกำจัดสารพิษของจุลินทรีย์ออกไปได้หมด สิ่งเดียวที่คุณควรทำ ก็คือ การตัดใจและโยนมันทิ้งลงถังขยะไปเท่านั้น

การเสื่อมเสียทางจุลินทรีย์นี้ ถือเป็นอันตรายต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก และอาจก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้ ดังนั้น ก่อนที่จะคิดเลือกซื้อไส้กรอกครั้งต่อไป ก็ควรซื้อแต่น้อย และไม่ควรซื้อเผื่อเอาไว้ในปริมาณมาก เพราะการรับประทานไส้กรอกบ่อยเกินไปก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายอยู่แล้ว รวมทั้งต้องจัดเก็บไส้กรอกในอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย ที่สำคัญอย่าลืมสังเกตวันเดือนปีที่ผลิตหรือหมดอายุก่อนบริโภคด้วยนะคะ เพื่อความเอร็ดอร่อยและความปลอดภัยของทุกๆคน


ขอบคุณที่มาเนื้อหา : ThaiJobsGov.com




Share This

0 ความคิดเห็น: